งานแอ็คชั่นขายสไตล์จัดมาก เอาแค่ฉาก car chase เล็ก ๆ ยังเลือกให้ปล้นรถแต่งชุดใหญ่ไฟกระพริบแล้วโชว์แสงสีเสียงกับงานกำกับภาพใหญ่โต ทุกจุดที่หนังจะขายคิวบู๊ หนังมันดูเน้นขายงานออกแบบฉากมากกว่าศิลปะการต่อสู้เสียอีก ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเทรนด์หนังแอ็คชั่นมันจะตาม ๆ กันมา ถ้าแนวทางไหนประสบความสำเร็จด้านรายได้ก็จะมีงานที่ได้รับอิทธิพลต่อกันไป นึกภาพยุคหลัง The Bourne Identity ที่ความดิบสมจริงทำให้ 007 ต้องปรับแนวตัวเองตอนสร้าง Casino Royale หรือยุคหลัง John Wick ที่มีงานได้รับอิทธิพลไปเพียบ ซึ่ง Kate ก็หลบอิทธิพลไม่พ้น แต่ก็เลือกฉีกออกมาหน่อยด้วยการขายสไตล์จัดจ้านทุกฉาก
ปกติเวลาดูหนังแอ็คชั่นพวกนี้จะไม่คาดหวังกับพล็อตเลย จะทื่อจะเส้นตรงง่าย ๆ ไม่ขายดราม่าหรือไม่ซับซ้อนก็ไม่ได้สนใจอยู่ละ เพราะจะดูการออกแบบฉากต่อสู้ แต่ขนาดนั้นแล้ว Kate ยังเล่าพล็อตทื่อ ๆ ออกมาได้โคตรไม่น่าเชื่อถือ พล็อตมันง่าย ๆ คือ 'เคท' (Mary Elizabeth Winstead) กำลังจะอำลาวงการด้วยงานชิ้นสุดท้าย แต่โดนวางยาจนทำให้สังหารเป้าหมายพลาด เธอเลยลุกขึ้นมาใช้เวลา 24 ชั่วโมงสุดท้ายในชีวิตเพื่อปิดจ็อบ หนังมันก็มาแนวพาตัวเอกไล่ถามพวกลูกน้องบอสใหญ่แบบเร่งรีบจนกว่าจะถึงเป้าหมายน่ะแหละ
ฉากบู๊ระยะประชิดอัดแน่นด้วยความโหดเลือดสาด ยิ่งการใช้ของมีคมทุกชนิดคือแทงไม่ยั้งและกระซวกกันเห็น ๆ จังหวะตัดต่อมีพอสมควร อย่างไรก็ตามหนังยังมีฉากที่ส่วนตัวคิดว่าเชยระเบิดระเบ้อเยอะเหมือนกัน ประเภทตัวร้ายช่างจ้อเหมือนยืนรอโดนฆ่า, นางเอกรอดจากการถูกรุมล้อมอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วบางทีขายเท่ไปหน่อย แก๊งยากูซ่าเดินถือดาบล้อมบอสกันชิลล์ ๆ ในดงกระสุน, หรือฉากประเภทกระสุนหมดทั้งคู่แล้วแข่งกันเปลี่ยนแม็กกาซีน ที่แบบขายเท่เกินไปทั้งที่เพลี่ยงพล้ำขนาดนั้นแล้วใช้เท้าหวดหรือปืนฟาดยังจะดูเห็นผลกว่ามัวใส่กระสุนเสียอีก ฉากแอ็คชั่นดี ๆ อยู่ต้นเรื่องหมดเลย ทั้งฉากในตลาดกับฉากในห้องอาหาร พ้นจากนั้นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ละ
ป.ล. สิ่งแรกที่ทำหลังดู Kate จบคือเปิดดูชื่อผู้กำกับภาพ พอเห็นชื่อ Lyle Vincent ก็พบว่าตัวเองเพิ่งเคยดูงานของเขาแค่เรื่องเดียวคือ A Girl Walks Home Alone at Night
Search